20 January 2015

งานแรก: ทดลองสร้างกราฟ - ยอดขายของเกม Call of Duty

สิ่งจะมานำเสนอในวันนี้คือการทดลองสร้างกราฟด้วยเครื่องมือสองชนิดคือ
  • Microsoft Excel 
  • ภาษา Processing
ซึ่งหัวข้อที่หยิบยกมาในครั้งนี้คือ ยอดขายของเกมคอมพิวเตอร์ "Call of Duty"
ซึ่งเป็นเกมยุคใหม่ที่ได้รับความนิยมสูง มีการวางจำหน่ายภาคต่อเป็นรายปี จึงเหมาะแก่การนำมาใช้วัดความนิยมทั้งกับตัวเกมในตระกูลนี้เอง และชี้วัดความเฟื่องฟูของธุรกิจวงการเกมในช่วงหลายปีหลังได้เป็นอย่างดี

โดยมีข้อมูลที่รวบรวมจาก www.vgchartz.com (ข้อมูลสิ้นสุด ณ วันที่ 20 ม.ค. 2014) ดังนี้

ปีที่วางจำหน่าย/ชื่อเกม/ยอดขาย (ชุด)
  1. 2005 - Call of Duty 2 => 2,010,000 
  2. 2006 - Call of Duty 3 => 7,450,000 
  3. 2007 - Call of Duty 4: Modern Warfare => 16,860,000 
  4. 2008 - Call of Duty: World at War => 14,520,000 
  5. 2009 - Call of Duty: Modern Warfare 2 => 24,740,000 
  6. 2010 - Call of Duty: Black Ops => 29,610,000 
  7. 2011 - Call of Duty: Modern Warfare 3 => 30,110,000 
  8. 2012 - Call of Duty: Black Ops II => 28,070,000 
  9. 2013 - Call of Duty: Ghosts => 25,280,000 
  10. 2014 - Call of Duty: Advanced Warfare => 17,600,000 
และเมื่อนำข้อมูลนี้ไปสร้างเป็นกราฟ
  • สร้างด้วย Microsoft Excel 

  • สร้างด้วยภาษา Processing

                *หมายเหตุ - ผู้เขียนยังไม่ถนัดในการใช้งานภาษา Processing มากนัก จะพยายามพัฒนาฝีมือต่อไปในอนาคต

จากกราฟที่ได้จะเห็นได้ว่า ยอดจำหน่ายของเกมในตระกูล Call of Duty มียอดขายที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดเกิน 10 ล้านชุดในปี 2007 ซึ่งเป็นปีที่ Call of Duty 4: Modern Warfare วางจำหน่าย และภายหลังจากนั้นยอดขายในปีต่อๆ มาก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จนสูงที่สุดในปี 2011 กับภาค Modern Warfare 3 ที่มียอดขายสูงถึงหลัก 30 ล้านชุด และค่อยๆ ลดลงในปีต่อๆ มา (มีข้อสังเกตว่าเกมภาค Advanced Warfare ยังมียอดขายที่น้อยกว่าภาคก่อนหน้า เนื่องจากเพิ่งวางขายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2014) 

และนี่คือตัวอย่างของการใช้กราฟนำเสนอข้อมูลเพื่อให้เห็นภาพและแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้น

No comments:

Post a Comment